[336] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอันประกอบ
ด้วยองค์ 8 เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อกำหนดรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละประโยคะ 4 อย่าง
นี้แล ฯลฯ ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ 8 นี้ ฯลฯ
จบโยคสูตรที่ 2
3. อุปาทานสูตร
อุปาทาน 4
[337] สาวัตถีนิทาน. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อุปาทาน 4 อย่างนี้
4 อย่างเป็นไฉน ได้แก่อุปาทานคือกาม 1 อุปาทานคือทิฏฐิ 1 อุปาทาน
คือศีลและพรต 1 อุปาทานคืออัตตวาทะ 1 ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อุปาทาน
อย่างนี้แล.
[338] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอันประกอบ
ด้วยองค์ 8 เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อกําหนดรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละอุปาทาน
อย่างนี้แล ฯลฯ ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ 8 นี้ ฯลฯ
จบอุปาทานสูตรที่ 3
4. คันถสูตร
คันถะ 4
[339] สาวัตถีนิทาน. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คันถะ 4 อย่างนี้ 4
อย่างเป็นไฉน ได้แก่กายคันถะคืออภิชฌา 1 กายคันถะคือกาบาท 1 กาย-
คันถะคือสีลัพพตปรามาส 1 กายคันถะคืออิทังสัจจาภินิเวส 1* ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย คันถะ 4 อย่างนี้.
[340] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอันประกอบ
ด้วยองค์ 8 เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อกําหนดรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละคันถะ 4 อย่าง
นี้แล ฯลฯ ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ 8 นี้ ฯลฯ
จบคันถสูตรที่ 4
5. อนุสยสูตร
อนุสัย 7
[341] สาวัตถีนิทาน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนุสัย 7 อย่างนี้ 7
อย่างเป็นไฉน ได้แก่อนุสัยคือกามราคะ อนุสัยคือปฏิฆะ 1 อนุสัยคือ
ทิฏฐิ 1 อนุสัยคือวิจิกิจฉา 1 อนุสัยคือมานะ 1 อนุสัยคือภวราคะ 1 อนุสัย
คือวิชชา 1 ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนุสัย 7 อย่างนี้แล.
* ความยึดมั่นว่าสิ่งนี้จริง.